รูปแบบการฟังเพลง


รูปแบบการฟังเพลง

คนฟังเพลงล้วนฟังผ่านตัวกลางบรรจุเพลงมาให้เราได้เปิดฟังกัน คุยกันหน่อย เอาตั้งแต่ยุคแรกเลย....
1-กลุ่ม Analog
เขาบอกว่ามันให้เสียงเป็นธรรมชาติสุด ! แยกเป็น

1.1-แผ่นเสียง ใช้หัวเข็มอ่านร่องเสียงบนแผ่นไวนิล มีขนาดแผ่นเป็นตัวกำหนดความยาวเพลงที่จุได้ มีขนาด 7"- 12" ใส่เพลงยาวสุดได้ประมาณ 40 นาที สมัยก่อน DJ นักฟังเพลงทั้งหลายที่ต้องการคุณภาพเสียงต้องมีต้องเล่น...(ก็มันยังไม่มี cassette !)

1.2-เทปคาสเซ็ท เป็นเส้นแถบแม่เหล็ก สามารถใส่เพลงได้ตามความยาวของเส้นเทป ยาวสุดเล่นได้ 120 นาที เป็นความง่ายที่มันเล็กพกติดตัวไปได้ ให้เสียงสุดยอด (ก็มันยังไม่มีซีดีนี่ !)
**ม้วนเทปรีล ม้วนวิดีโอ เป็นเส้นเทปแต่ไม่ได้รับความนิยมในการฟังเพลง

2-กลุ่มดิจิตอล
เป็นการจำลองสัญญาณเสียงเป็นข้อมูลดิจิตอล คุณภาพอยู่ที่จำนวนของข้อมูลที่ sampling มา มี sampling rate และ bit เป็นตัวกำหนดคุณภาพ และคุณภาพของตัวแปลงสัญญาณ( A/D - D/ A) ด้วย  เมื่อได้ file digital มาแล้วก็อยู่ที่ว่าเราจะเอาไปใส่ไว้ที่ไหน ใช้อะไรเป็นตัวเล่น แยกเป็น

2.1-ซีดีออดิโอ บรรจุ file ตระกูล Wav. 16 bit ที่ rate 44.1 Khz. (ในห้องอัดใช้ 24 bit 48-96 Khz.)

2.2-ซีดี MP3 บรรจุ file เพลงบีบอัด Mpeg 3 ใช้เครื่องเล่นแผ่นทั้งหลายที่อ่าน DVD, VCD, CD MP3 ได้ ข้อมูลในแผ่นพวกนี้สามารถ copy file ไปข้อ 2.3 ได้ คุณภาพเสียงจะอยู่ที่บีบลงมากหรือน้อย(ขนาด File ก็เล็ก-ใหญ่ตามไป)โดยมีค่า bitrate เป็นตัวกำหนด ตั้งแต่แย่มากๆระดับ 90-126 kbps(แผ่นที่จุเพลงได้มากๆก็บีบอัดจนลีบ !)...จนถึงระดับคุณภาพที่ดี คือ 256-320 kbps ซึ่งจัดอยู่ในระดับที่หูของ มนุษย์แยกแยะไม่ออกเมื่อเทียบกับต้นฉบับ CD

2.3-กลุ่มเครื่องเล่น file เพลงแบบดิจิตอล ใช้ระบบปฏิบัติการ ไม่ว่า window, Os, android เป็นตัวจัดการ...นอกจากจะนั่งฟังที่คอมพิวเตอร์แล้ว เรายังสามารถพกพาติดตัวเช่น  โทรศัพท์มือถือ Tablet เครื่องเล่นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่น iPod...หรือเรียกรวมๆว่า lossless music player หรือเครื่องเล่น MP3 โดยเฉพาะ

กลุ่ม 2.3 นี้ถือว่าเป็นยุคสมัยล่าสุด  สามารถเล่น file เพลง format สูงๆ ตระกูลต่างๆได้หลากหลายเช่น Wav, Aiff, Flac....ซึ่งอยู่ในกลุ่มไม่สูญเสีย(lossless เทียบเท่า/เหนือกว่าซีดี) และอีกกลุ่มคือ file บีบอัดทั้งหลาย(lossy)เพื่อ ให้ข้อมูลเล็กลงเช่น MP3, WMA, AAC...
แล้วแต่ใครจะเลือก"ฟังกันแบบไหน ก็ไม่ใช่ปัญหา" เพราะมันเข้าไปที่หูเหมือนกัน แต่การรับความอร่อยของรูหูของคนเราก็ไม่เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องของหูใครหูมัน  (!) 



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้