Before...
ปี 2520-2523
สมศักดิ์ เริ่มจับไม้กลอง ตอนเรียน ม.ศ.3 ปี 2520
สมบัติเริ่มจับกีตาร์โปร่ง ตอนเรียน ว.ค. ปี 2 2523
สมคิดเริ่มจับเบตอนเรียน ม.รามคำแหง ปี 4 2528
The Beginning !
ปี 2523-2531
3 คนพี่น้อง มีความชอบดนตรีเหมือนๆกัน อยู่ครอบครัวเดียวกัน จึงมักจะลากกันไปเมื่อมีโอกาสทางดนตรี เช่น ขอไปดู ไปลองเล่นดนตรีกับคณะรำวงของญาติสนิทในหมู่บ้านดอนตัน ชื่อ"คณะมิตรภาพ" -The Friends" ในสมัยที่แยกกันไปเรียนระดับอุดมศึกษา ก็จะหาโอกาสไปเจอกัน เล่นดนตรีโดยดึงเพื่อนพ้องมาเสริมวง เล่นเพลง Cover เพลงฝรั่งเป็นหลัก ช่วงปี 2526 นั้น>สมศักดิ์-เรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 4 สมคิด-เรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2 ส่วนสมบัติ-จบจากวิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ (ราชภัฏ)ปี 2524 แล้วไปรับราชการครูที่บ้านเกิด หลังนั้นได้ลาไปศึกษาต่อที่ มศว.บางแสน..
The old day...Kaewthit's brother in University มศว. บางแสน
RockFest Chiangmai University 2526 (with Tuk Braseries far L and Ae bass L)
Heavy Metal Dreaming time in Chiangmai year 2530 ที่ห้องซ้อมบ้านมือกีตาร์อีกคน "ใหม่" อ.สาทิส ถาวรนันท์
จุดเริ่มของดอนผีบินจริงๆ
จะเป็นจุดที่สมศักดิ์และสมคิดได้ทำงานด้วยกันที่ จ.เชียงราย เมื่อปี 2532 และสมบัติก็ได้เดินทางไปพบกันที่นั่น ต่างคนก็ต่างซื้ออุปกรณ์เครื่องดนตรีเป็นของตัวเอง
สมบัติ ซื้อกีตาร์ Asama ลายไม้ Natural กับ effect Korg A3
สมศักดิ์ ซื้อกลอง Tama 2 กระเดื่องรุ่น Superstar
สมคิด ซื้อ Bass ถูกๆ
เมื่อทั้ง 3 นัดเจอกันที่เชียงราย ก็จะลองซ้อมดนตรีกัน โดยใช้ห้องนอนในโรงสีข้าวของสมศักดิ์เป็นรัง แต่ซ้อมไปได้ 2 ครั้งก็มีปัญหาเพราะเสียงดังไปรบกวนผู้ร่วมงานที่พักอยู่ในตึกเดียวกัน ตอนนั้นเพลงที่แต่งขึ้นและลองซ้อมเล่นกันคือเพลง"คนกินคน" แต่ก็ไม่ได้บันทึกไว้เนื่องจากไม่มีเครื่องอัดเสียง
ต่อมา... สมศักดิ์ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องบันทึกเสียงคาสเซ็ท 4 แทรค Tascam mini Studio เพื่อนำมาบันทึกเพลง"คนกินคน" ที่แต่งกัน(ซึ่งสามารถบันทึกมาได้เพียงเพลงเดียว มีรวมอยู่ในงาน Demo Hash&Raw การแต่งเพลงด้วยการเล่นซ้อมกันได้อยู่แค่นั้นเพราะมีปัญหาเรื่องห้องที่ใช้ซ้อม สร้างเสียงรบกวนพนักงานคนอื่นๆที่พักอยู่ด้วยกัน การซ้อมครั้งสุดท้าย จึงได้บันทึกเพลง"คนกินคน"มาได้อย่างหวุดหวิด !
หลังจากประสบปัญหาการแต่งเพลงโดยการซ้อมกันและไม่มีสถานที่ซ้อม...
ปี 2532 เดือน ส.ค. สมศักดิ์ได้มีโอกาสไปฮ่องกง จึงตัดสินใจซื้อกลองไฟฟ้า(Drum Machine) Roland R-8 และลำโพง Yamaha NS-10M เพื่อทำเดโมบันทึกผลงานเพลงที่คิดกันไว้อย่างจริงจัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเพลงร่วมกันของสามพี่น้องแบบเป็นเรื่องเป็นราว เริ่มโดยการโปรแกรมกลองที่ R-8 บันทึกลงเครื่องอัด 4 แทรคพร้อมกีตาร์คร่าวๆตามโครงที่ซ้อมและเขียนกันไว้ สมคิดใส่เบสและร้อง ส่วนสมบัติซึ่งเป็นครูอยู่ที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ก็จะเดินทางข้ามเขาไปร่วมสมทบทำในช่วงเสาร์-อาทิตย์ เพื่ออัดกีตาร์และแก้ไข Mix ไปฟังกัน เทียวไปมาหากันแบบนี้เป็นแรมปี ช่วงนั้นทั้ง 3 ยังซื้ออุปกรณ์เพิ่ม สมบัติ ได้กู้เงินสหกรณ์ครูซื้อกีตาร์ Gibson U2 และแอมป์ Marshall ส่วนสมคิดซื้อเบส Charvel Demo Bed Room Studio in Chiangrai Rice Mill 2532
...จนบทเพลงของดอนผีบินออกมาเป็นเดโม ดูเป็นรูปเป็นร่าง เกิดไอเดียเอาไปให้คนอื่นฟัง จึงได้มีการคิดชื่อวงกัน และสมบัติ ซึ่งเรียนมาทางศิลปะและชอบวาดภาพ ก็ได้ไปออกแบบปกอัลบั้มและโลโก้วง นำมาคุยกันและแก้ไขไปมา หลังจากนั้นก็ทำการคัดเลือกเพลงมา 10 เพลง ทั้งสามเดินทางไปถ่ายรูปกันเองบนดอยใกล้ๆโรงสีข้าวที่ทำเพลง แล้วลองทำเป็นปกเทป ใส่กล่องคาสเซ็ทเดโมเพื่อนำเสนอค่ายเพลง...
แบบปกเทปเริ่มต้น ทำไว้หลายแบบ แต่สุดท้ายเลือก 1 แบบ นำเสนอค่ายเพลง
Demo Tape cover and first band photo in 2532
ดอนผีบิน ใช้เวลา 2 ปี ในการติดต่อกับค่ายเพลง ส่งไปแล้วรอและรอ บางค่ายได้เรียกไปคุยแต่ก็ไม่รับ บางค่ายก็แอบเอาเพลงไปเปิดดูกระแสชิมลางทางสถานีวิทยุ ซึ่งระหว่างนั้นได้นำเพลงไปเล่นเป็นวงเปิดให้คอนเสิร์ทวง HiRock ที่เชียงใหม่และเข้าประกวดวงดนตรีในงาน Yamaha ปี 2534 ติดเข้ารอบภาคเหนือและได้ไปเล่นที่ กทม. ซึ่งเป็น 2 งานแรกที่ได้นำเพลงจากเดโมไปเล่นบนเวทีและใช้ชื่อ ดอนผีบิน (งานนี้ได้ขอตุ๊ก Braseries ไปร่วมเล่นด้วย)
Yamaha band Explosion 2534
...ระหว่างนั้นทางวงก็ได้ทำเพลงเพิ่มไปเรื่อยๆ ดนตรีของวงได้เปลี่ยนไปตามยุค ซึ่งแนวเพลงเฮฟวี่เมทัลได้แตกแนวและเปลี่ยนไปเป็นแนวที่หนักขึ้น สุดท้าย...อัลบั้มชุดที่ 1 “ โลกมืด” ก็ถูกปฏิเสธจากค่ายเพลงทุกค่ายที่นำไปเสนอ ด้วยเหตุผลใกล้ๆกันคือ หนักเกินไป ไม่มีเพลงรักเพลงตลาด...ดอนผีบิน จึงได้ตัดสินใจที่จะบันทึกเสียงเอง โดยที่ไม่มีเงิน และไม่มีความรู้อะไรเลยในการทำงานในห้องอัดแบบมืออาชีพ ไม่มีที่ปรึกษา แต่ลองผิดลองถูกเอาเอง โดยสมศักดิ์ ได้เป็นผู้นำในการเริ่มบันทึกเสียง โดยเริ่มบันทึกเสียงกลองก่อนที่เชียงใหม่
Drum Traking at CCI Studio Chiangmai 2534
ช่วงนั้นสมศักดิ์ได้ย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ จึงได้หา Studio ที่นั่นเพื่อทำการบันทึกเสียง ในที่สุดก็ได้เริ่มบันทึกเสียงกลองที่ C.C.I Studio ลงเทปรีล 16 แทรค โดยใช้เวลากว่า 6 เดือน เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ การเข้าห้องอัดวันแรกจึงไม่ได้อะไรเลย ได้แค่ตั้งเสียงกลอง !! พอเริ่มอัดก็เล่นได้ไม่ดี ตีคร่อมเหลื่อมกับเมโทรนอมมาก Edit ไม่ได้เพราะเป็นเทปรีล และที่สำคัญต้องรอเงินเดือนไปจ่ายค่าห้องอัดคิวละ 3,500 บาท(ตอนนั้นเงินเดือน 5,000 บาท) แต่ในที่สุดก็บันทึกเสียงกลองเสร็จทั้งหมดที่ CCI Studio เอาเท่าที่ได้...หลังจากนั้นจึงลองไปอัดเสียงต่อที่ห้องอัดที่กรุงเทพ โดยได้อัดกีตาร์ 80% ที่ห้องอัด Prositron Studio แถวๆรามคำแหง และเมื่อสมศักดิ์ ก็ได้มีโอกาสย้ายไปทำงานที่กรุงเทพ จึงได้หาห้อง studio เพื่อบันทึกเสียงกีตาร์-เบส-ร้อง ต่อให้เสร็จ โดยได้ไปอัดกีตาร์เพิ่มที่ห้องอัดโรต้า, และเสียงร้องทั้งหมดที่ห้องอัด Hi-Tech Studio จนการ Tracking เสร็จสิ้นลง โดยสมบัติ-สมคิด ได้เดินทางจากน่านและเชียงรายไปสมทบที่ กทม.ในวันเสาร์อาทิตย์หลายครั้ง ซึ่งช่วงระหว่างนั้นสมศักดิ์ ก็ได้ไปเรียน Sound Engineer ที่ Butterfly ไปด้วยเพื่อเป็นความรู้ในการมิกส์เสียงอีกทาง
Hi Tech Studio Bangkok-Vocal Tracking
วันเวลาผ่านไป... สมศักดิ์ ได้ไปพบกับอุกฤษณ์ (วงวิปลาส) โดยบังเอิญ ซึ่งเล่นดนตรีแนวเมทัลอยู่ที่ผับร็อคแห่งหนึ่งย่านรัชดา คุยกันถูกคอแนวเดียวกันและโชคเข้าข้าง อุกฤษณ์ ทำงานเป็นซาวด์อยู่ที่ Jam Studio พอดี จึงได้ออกไปฟังเพลงกันในรถและคุยกันถึงเรื่องมิกส์เสียงงานของวง ด้วยความเมาในคืนนั้น วันรุ่งขึ้นจึงไปพบกันที่ Jam Studio ทันที..และวางแผน Mix เสียงกัน เนื่องจากที่ Jam Studio เครื่องอัดเป็นแบบ 32 แทรค สมศักดิ์จึงได้ไปตะลอนหาเช่าเครื่องอัดเทปรีล 16 แทรคเพื่อถ่ายโอนข้อมูลทั้งหมดจากเทป 1 นิ้ว 16 แทรค ลงเทปรีล 2 นิ้ว 32 แทรค พร้อมทั้งแยกแทรคกันอุตลุดเพราะไลน์กีตาร์เยอะมาก ตอนอัดลง 16 แทรค ช่องไม่พอต้องอัดซ้อนๆกันไว้ในแทรคเดียว เมื่อเตรียมข้อมูลได้ที่ คิวห้องอัดสำหรับ Mix ที่ได้คือ หลังเที่ยงคืนถึงเช้าเท่านั้น (คิวกลางวันถูกค่ายใหญ่จองล๊อคไว้หมด !!) สมศักดิ์จึงต้องทำงานกลางวันไปด้วยและไปมิกส์เสียงหลังเที่ยงคืนยันเช้าอยู่ร่วม 10 กว่าวัน จนถูกบริษัทถามว่าทำไมตาเหลือง ! ช่วง Mix เสียงสมคิดและสมบัติ เดินทางไปร่วมด้วยในช่วงเสาร์ อาทิตย์ ....การมิกซ์เสียงผ่านไปอย่างทุลักทุเล ต้องแก้กันหลายครั้งเพราะเวลามิกส์เสียงเป็นเวลานอน และทั้งสองก็เป็นมือใหม่ทั้งคู่ !
After Mid night "Dark World Mixing" Ukrit - Somsak at Jam Studio 2536
รวมช่วงเวลาการบันทึกเสียงทั้งหมด ใช้เวลากว่า 3 ปี เนื่องจากมีปัญหาด้านเงินทุน สมศักดิ์ต้องใช้เงินเดือน ทั้งบัตรเครดิตและเช็คล่วงหน้าผ่อนชำระค่าห้องอัดที่ กทม.จนหมด (ค่าห้องอัดตอนนั้นแพงสุดๆ คิว 6 ชม. 5,500 บาท หมดเงินไปเกือบ 80,000 บาท)
หลังจากการ Mix เสียงผ่านไป ระหว่างนั้นก็ได้พบปะกับผู้คนในวงการบ้าง จึงได้วางแผนที่จะทำออกขายกันเองแบบไต้ดิน โชคเข้าข้าง อุกฤษณ์เคยเรียนซาวด์กับอ.สนิท นรฮีม ซึ่งได้ตั้ง Roxx Records ขึ้นแล้ว ออกงาน Prart Conception ไปก่อนหน้านั้น จึงได้พากันไปคุยกับ สนิท นรฮีม และได้ตกลงกัน โดยทาง Roxx Records จะช่วยทำประชาสัมพันธ์ให้ แล้วให้กลุ่ม 501 อัดลงเทปคาสเซ็ทเพื่อลองวางขายแบบไต้ดิน.....
ดอนผีบินกำลังจะออกบิน...
>อ่านต่อฉาก 1